สถิติ
เปิดเมื่อ27/12/2013
อัพเดท25/02/2014
ผู้เข้าชม13077
แสดงหน้า16456
สินค้า
บทความ
ความหมายของประชาสัมพันธ์
การประชาสัมพันธ์
คำอธิบายรายวิชา ง30290 การประชาสัมพันธ์
ความสำคัญของประชาสัมพันธ์
บทที่ 1 เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
บทที่ 2 เรื่อง ประวัติความเป็นมาของการประชาสัมพันธ์
บทที่ 3 เรื่อง หลักการและวัตถุประสงค์ของการประชาสัมพันธ์
บทที่ 4 เรื่อง การประชาสัมพันธ์กับการโฆษณา
บทที่ 5 เรื่อง ขั้นตอนการดำเนินงานประชาสัมพันธ์
บทที่ 6 เรื่อง หน่วยงานประชาสัมพันธ์
บทที่ 7 เรื่อง สื่อการประชาสัมพันธ์
บทที่ 8 เรื่อง การประเมินการประชาสัมพันธ์
บทที่ 9 เรื่อง คุณสมบัติของนักประชาสัมพันธ์
บทที่ 10 เรื่อง ศึกษาดูงาน ฝึกปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์
My proflie
คำอธิบายรายวิชา
บทที่ 1 ธรรมชาติและวัฒนาการของเทคโนโลยี
บทที่ 2 เรื่องกระบวนการเทคโนโลยี
บทที่3 เรื่องการออกแบบและเทคโนโลยี
บทที่ 4 เรื่อง พลังงานหมุนเวียน
บทที่ 5 เรื่อง หลัก 4 R กับการลดใช้พลังงาน
บทที่ 6 เรื่อง ความคิดสร้างสรรค์กับโครงงานออกแบบและเทคโนโลยี
ปฎิทิน
April 2025
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
  
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
   




บทความ

บทที่ 2 เรื่องกระบวนการเทคโนโลยี
รหัสวิชา ง 22101       ชื่อวิชา  การงานอาชีพและเทคโนโลยี 34   
ช่วงชั้นที่  3  ชั้นปีที่  2   
ครูผู้สอน ดรุณี   กันธมาลา
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย  จังหวัดเชียงใหม่          
 
 
บทที่  2  เรื่องกระบวนการเทคโนโลยี
 
สาระที่  3:  การออกแบบและเทคโนโลยี
มาตรฐาน ง 3.1  :  เข้าใจธรรมชาติและกระบวนการของเทคโนโลยี  ใช้ความรู้  ภูมิปัญญา  จินตนาการ  และความคิดอย่างมีระบบในการออกแบบ  สร้างสิ่งของเครื่องใช้  วิธีการเชิงกลยุทธ์  ตามกระบวนการเทคโนโลยี  สามารถตัดสินใจ  เลือกใช้เทคโนโลยีในทางสร้างสรรค์ต่อชีวิต  สังคม  สิ่งแวดล้อม  โลกของงานและอาชีพ
 
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1.  เข้าใจความหมาย  ความสำคัญของกระบวนการเทคโนโลยี
2.  อธิบายกระบวนการของเทคโนโลยี  7  ขั้นตอน 
3.  สร้างต้นแบบสิ่งของเครื่องใช้ตามความต้องการโดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี
4.  ชื่นชมผลงานการทำงานด้วยตนเอง
5.  เห็นคุณค่าของการใช้กระบวนการเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
 
จุดประสงค์การเรียนรู้
1.  บอกความหมาย   ความสำคัญของกระบวนการเทคโนโลยีได้
2.  อธิบายกระบวนการของเทคโนโลยี  7  ขั้นตอนได้ถูกต้อง
3.  สร้างต้นแบบสิ่งของเครื่องใช้ตามความต้องการโดยใช้กระบวนการเทคโนโลยีอย่างถูกต้องและ
     ปลอดภัย
4.  สามารถถ่ายทอดความคิดเป็นภาพจำลองสิ่งของเครื่องใช้ตามจินตนาการและรายงานผลได้
5.  แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้กระบวนการเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันได้ 
6.  สามารถเขียนผังมโนทัศน์เกี่ยวกับ  ความหมาย  ความสำคัญ  ระบบของเทคโนโลยีและ
     กระบวนการของเทคโนโลยี  7  ขั้นตอนได้
 
 
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
  มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังนี้
   1.   ความสามารถในการสื่อสาร 
   2.   ความสามารถในการคิด
   3.   ความสามารถในการแก้ปัญหา
   4.   ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต  
   5.   ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี



สาระที่ 3 : การออกแบบเทคโนโลยี.
มาตรฐาน ง 3.1 : 
เข้าใจธรรมชาติเเละกระบวนการของเทคโนโลยี ใช้ความรู้ ภูมิปัญญา จินตนาการ เเละ
ความคิดอย่างมีระบบในการออกแบบ สร้างสิ่งของเครื่องใช้ วิธีการเชิงกลยุทธ์ ตามกระบวนการเทคโนโลยี สามารถตัดสินใจ เลือกใช้เทคโนโลยีในทางสร้างสรรค์ต่อชีวิต สังคม สิ่งแวดล้อม โลกของงานและอาชีพ.

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง.
1. เข้าใจความหมาย ความสำคัญของกระบวนการเทคโนโลยี.
2.อธิบายกระบวนการของเทคโนโลยี 7 ขั้นตอน.
3. สร้างต้นแบบสิ่งของเครื่องใช้ตามความต้องการ โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี.
4. เข้าใจการออกแบบ บล็อก (Blog) หรือเว็บไซต์ ตามกระบวนการเทคโนโลยี.
5.ชืนชมผลงานการทำงานของผู้อื่นและตนเอง.
6. เห็นคุณค่าของการใช้งานกระบวนการเทคโนโลยีชิวิตประจำวัน.

จุดประสงค์การเรียนรู้.
1. บอกความหมาย ความสำคัญของกระบวนการเทคโนโลยี.
2. อธิบายกระบวนการของเทคโนโลยี 7 ขั้นตอนได้ถูกต้อง.
3. สร้างต้นแบบสิ่งของเครื่องใช้ตามความต้องการโดยใช้กระบวนการเทคโนโลยีได้ถูกต้องและปลอดภัย.
4. สามารถถ่ายทอดความคิดเป็นภาพจำลองสิ่งของเครื่องใช้ตามจินตนาการและรายงานผลได้.
5. แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้กระบวนการเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันได้.
6. สามารถออกแบบ บล็อก (Blog) หรือเว็บไซต์ ตามกระบวนการ เทคโนโลยีได้.
7. สามารถเขียนผังมโนทัศน์เกี่ยวกับความหมาย ลักษณะผลผลิตของการออกแบบทางเทคโนโลยีหลักการวาดภาพเพื่อการสื่อสาร หลักการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ 5W1H หลักการออกแบบและเทคโนโลยี.
8. ชื่นชมผลงานการทำงานของผู้อื่นและตนเอง.
9. เห็นคุณค่าของการใช้กระบวนการเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน.


กระบวนการทางเทคโนโลยี(Technological Process).




           กระบวนการเทคโนโลยี (Technological Process). คือ  ขั้นตอนการแก้ปัญหาหรือตอบสนองต่อความต้องการซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยน แปลงจากทรัพยากรให้เป็นผลผลิตหรือผลลัพธ์ระบบเทคโนโลยีประกอบด้วยกระบวนการ เทคโนโลยีก่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอย ตามที่มนุษย์ต้องการและเปลี่ยนแปลงการ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมต่างๆของมนุษย์  เพราะมนุษย์มีความต้องการใน การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในการดำรงชีวิต  ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาที่อาจ เกิดจากการประดิษฐ์คิดค้นต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้น และบางครั้งปัญหาอาจเกิด การผลิตสิ่งของต่างๆไม่ตรงตามความต้องการไม่ได้คุณภาพจึงต้องมีการออกแบบ เพื่อจะนำมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว.
ความสำคัญของกระบวนการทางเทคโนโลยี.
1. เป็นพื้นฐานปัจจัยจำเป็นในการดำเนินชีวิตของมนุษย์. 
2. เป็นปัจจัยหลักที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนา.
3. เป็นเรื่องราวของมนุษย์ และธรรมชาติ. 
 
 ระบบเทคโนโลยีประกอบด้วยกระบวนทางเทคโนโลยีทั้งหมด 7 ขั้นตอน ได้แก่.
1.กำหนดปัญหาหรือความต้องการ (Identification the problem,need or preference).
ละเอียด หรือกำหนดขอบเขตการแก้ปัญหา ระบุความต้องการให้ชัดเจนว่าต้องการอะไร โดยเขียนเป็นข้อความสั้น ๆให้ได้ใจความชัดเจน.
 2.รวบรวมข้อมูลเพื่อแสวงหาวิธีการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ(Information). 
     เมื่อกำหนดปัญหาหรือความต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ เก็บรวบรวมข้อมูลและความรู้ทุกด้านที่ เกี่ยวข้องกับปัญหาหรือความต้องการ เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมสำหรับแก้ปัญหา หรือสนองความต้องการที่กำหนดไว้ ทำได้หลายวิธี เช่น. 
      • รวบรวมข้อมูลจากหนังสือ วารสารต่างๆ.
      • สำรวจตัวอย่างในท้องตลาด.
      • สัมภาษณ์พูดคุยกับคนอื่น.
      • ระดมสมองหาความคิด.
      • สืบค้นจากอินเตอร์เน็ต และจากแผ่นซีดีเสริมความรู้ ฯลฯ. 
     ข้อมูลเหล่านี้จะนำไปสู่การได้วิธีการแก้ปัญหา หรือสนองความต้องการในหลายแบบ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ซึ่งจะเป็นช่องทางที่สามารถใส่เนื้อหาที่เราต้องการให้นักเรียนได้เรียนรู้ และถือว่าเป็นช่องทางของการบูรณาการได้ดีที่สุด.
 3.เลือกวิธีการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ (Selection of the best possible solution).
    ในขั้นนี้ เป็นการตัดสินใจเลือกแนวคิดที่ดีที่สุดสำหรับแก้ปัญหา โดยนำข้อมูล และความรู้ที่รวบรวมได้มาประกอบกันจนได้ข้อสรุปว่า จะเลือกวิธีการแก้ปัญหาหรือวิธีการสนองความต้องการเป็นแบบใด โดยวิธีการที่เลือกอาจยึดแนวที่ว่า เมื่อเลือกแล้วจะทำให้สิ่งนั้นดีขึ้น (Better) สะดวกสบายหรือรวดเร็วขึ้น(Fasterspeed) ประหยัดขึ้น (Cheaper) รวมทั้งวิธีการเหล่านี้ จะต้องสอดคล้องกับทรัพยากร (Resource) ที่มีอยู่.
 4.ออกแบบและปฏิบัติ (Design and making).
    ขั้นตอนนี้ต้องการให้นักเรียนรู้จักคิดออกแบบ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของเครื่องใช้เสมอไป อาจเป็นวิธีการก็ได้ และการออกแบบไม่จำเป็นต้องเขียนแบบเสมอไป อาจเป็นแค่ลำดับความคิด หรือจินตนาการให้เป็นขั้นตอนซึ่งรวมปฏิบัติการลงไปด้วย นั่นคือเมื่อออกแบบแล้วต้องลงมือทำ และลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ออกแบบไว้.
5.ทดสอบ (Testing to see if it works).
    เป็นการนำสิ่งประดิษฐ์หรือวิธีการนั้นทดลองใช้เพื่อทดสอบว่าใช้งานหรือทำงาน ได้ หรือไม่มีข้อบกพร่องอย่างไร ถ้ายังไม่ได้ก็ไปสู่ขั้นตอนต่อไป คือ ปรับปรุง แก้ไข.
 6.การปรับปรุง (Modification and improvement).
    หลังจากการทดสอบผลแล้วพบว่า สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างขึ้น หรือวิธีการที่คิดขึ้นไม่ทำงานมีข้อบกพร่อง ก็ทำการปรับปรุงแก้ไข โดยอาจเลือกวิธีการใหม่ก็ได้คือย้อนไปขั้นตอนที่ 3.
 7.ประเมินผล (Assessment).
    หลังจากปรับปรุงแก้ไขจนใช้งานได้ดีตามวิธีการที่ออกแบบแล้ว ก็นำมาประเมินผลโดยรวมโดยพิจารณาดังนี้
     • สิ่งประดิษฐ์สามารถแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการที่ระบุไว้ได้หรือไม่.
     • สวยงาม ดึงดูดใจผู้ใช้หรือไม่.
     • แข็งแรงทนทานต่อการใช้งานหรือไม่.
 • ต้นทูนสูงเกินไปหรือไม่.
 
การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศ.
         ไม่ว่าเราจะทำงานใดก็ตาม ปัญหาเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ การแก้ปัญหามีหลายวิธี ขึ้นกับชนิดของาน วิธีการแก้ปัญหาอย่างหนึ่งอาจแก้ปัญหาอีกอย่างหนึ่งไม่ได้ และการแก้ปัญหาอาจจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือไม่ก็ได้ ดังนั้น จึงควรยึดหลักการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้เสียเวลา หลงทาง และสับสน วิธีการแก้ปัญหาแต่ละวิธีมีความเหมาะสมกับงานแตกต่างกันไป ก่อนที่จะใช้วิธีแก้ปัญหา ด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศ จะขอยกวิธีการแก้ปัญหาอย่างมีขั้นตอนโดยทั้วไป มาให้พิจารณาดูจำนวนหนึ่ง
             การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศ การแก้ปัญหาที่ ซับซ้อนด้วยวิธีการต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ส่วนมากจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้าช่วยเพื่อเพิ่มความรวดเร็ว ถูกต้อง และสามารถทำซ้ำได้ง่ายในกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าช่วยแก้ปัญหา จำเป็นต้องปรับรูปแบบวิธีการทำงานให้เหมาะสมกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
            วิธีการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นวิธีคล้ายกับการแก้ปัญกาทางวิศวกรรมมาก แต่ในการนำระบบคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการแก้ปัญหา หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานใดๆ ก็ตาม จะต้องมีการวิเคราะห์ปัญหาและศึกษาความเป็นไปได้ให้รอบคอบเสียก่อน ทั้งนี้เนื่องจากคอมพิวเตอร์ไม่ใช้เครื่องมือวิเศษที่จะแก้ปัญหได้ทุกเรื่อง
            นอกจากนี้ยังจะต้องมีการศึกษาถึงความคุ้มค่าในการลงทุน เพื่อไม่ให้เป็นการลงทุนที่เสียเปล่า ต้องเลือกวิธีการแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับงาน จัดหาเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ไม่เกินความจำเป็น
           การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เหมาะกับระบบงานที่ต้องทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งซากและมีปริมาณงานมากหรือ งานที่ต้องการความรวดเร็วในการคำนวณเกินกว่าคนธรรมดาจะทำได้ วิธีการโดยทั้วไปคือ ปรับเปลี่ยนวิธีการหรือระบบการทำงานแบบเดิม มาใช้ระบบงานที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยทำงานเป็นบางส่วน หรือทั้งหมด เท่าที่สามารถจะทำแทนคนได้.

แผนภูมิ
 

 กระบวนการทางเทคโนโลยี เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา  โดยการคิดริเริ่มสร้างสรรค์  
เพื่อนำไปสู่การประดิษฐ์และปฎิบัติ  ก่อใก้เกิดประโยชน์ใช้สอย  ตามที่มนุษย์ต้องการและเปลี่ยนแปลง
การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมต่างๆของมนุษย์  เพราะมนุษย์มีความต้องการในการสร้างสิ่งอำนวย
ความสะดวกต่างๆในการดำรงชีวิต  ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาที่อาจเกิดจากการประดิษฐ์คิดค้นต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้น 
และบางครั้งปัญหาอาจเกิดการผลิตสิ่งของต่างๆไม่ตรงตามความต้องการไม่ได้ คุณภาพจึงต้องมีการออกแบบ เพื่อจะนำมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว

กระบวนการเทคโนโลยี มีอยู่ด้วยกัน 7 ขั้นตอน ได้แก่
1.กำหนดปัญหาหรือความต้องการ
เมื่อมนุษย์เกิดปัญหาหรือความต้องการ ขั้นแรกคือการทำความเข้าใจ
ปัญหานั้นๆ อย่างละเอียดหรือกำหนดขอบเขต การแก้ปัญหา ระบุความต้องการให้ชัดเจนว่าต้องการอะไร โดย
เขียนเป็นข้อความสั้นๆให้ได้ใจความชัดเจน

2. รวบรวมข้อมูบเพื่อแสวงหาวิธีการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ 
เมื่อกำหนดปัญหาหรือความต้องการแล้ว
ขั้นตอนต่อไปนี้คือ เก็บรวบรวมข้อมูลและความรู้ทุกด้านที่เกี่ยวข้องก้บปัญหาหรือความต้องการพื่อหาวิธีการที่เหมาะสม
สำหรับแก้ปัญหา หรือสนองความต้องการที่กำหนดไว้ ทำได้หลายวิธี เช่น
รวบรวมข้อมูลจากหนังสือ วารสารต่างๆ
- สำรวจตัวอย่างในท้องตลาด
- สัมภาษณ์พูดคุยกับคนอื่นๆ
- ระดมสมองคิดหาวิธีการ
- สืบค้นจากอินเทอร์เนต และจากแผ่นซีดีเสริมความรู้ ฯลฯ
ข้อมูลเหล่านนี้จะนำไปสู่การแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการในหลายแบบขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญซึ่งจะเป็น
ช่องทางที่สามารถใส่เนื้อหา ที่เราต้องการให้นักเรียนได้เรียนรู้ และถือว่าเป็นช่องทางของการบูรณาการได้ดีที่สุด

3. เลือกวิธีการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ
ในขั้นนี้เป็นการตัดสินใจเลือกแนวคิดที่ดีที่สุดสำหรับแก้ปัญหา
โดยนำข้อมูลและความรู้ที่รวบรวมได้มาประกอบกัน จนได้ข้อสรุปว่าจะเลือกวิธีการแก้ปัญหาหรือวิธีการสนองความ
ต้องการเป็นแบบใด โดยวิธีการที่เลือกอาจยึดแนวที่ว่า เมื่อเลือกแล้วจะทำให้สิ่งนั้นดีขึ้น สะดวกสบายหรือรวดเร็วชึ้น 
ประหยัดขึ้น รวมที้งวิธีการเหล่านี้จะต้องสอดคล้องกับทรัพยาการที่มีอยู่

4. ออกแบบและปฎิบัติการ 
ขั้นตอนนี้ต้องการให้นักเรียนรู้จักคิดออกแบบซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของเครื่องใช้เสมอไป
อาจเป็นวิธีการก็ได้และการออกแบบไม่จำเป็นต้องเขียนแบบเสมอไปอาจเป็นแค่ลำดับความคิดหรือจินตนาการให้เป็น
ขั้นตอนซึ่งรวมปฎิบัติการลงไปด้วย นั่นคือ เมื่อออกแบบแล้วต้องลงมือทำ และลงมือปฎิบัติในสิ่งที่ออกแบบไว้

5. ทดสอบ
เป็นการนำสิ่งประดิษฐ์หรือวิธีการนั้นทดลองเพื่อใช้ทดสอบว่าใช้งานหรือทำงานได้หรือไม่ มีข้อบกพร่อง
อย่างไร ถ้ายังไม่ได้ก็ไปสู่ขั้นตอนต่อไป คือ ปรับปรุง แก้ไข

6.การปรับปรุงแก้ไข
หลังจากการทดสอบผลแล้วพบว่าสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นกรือวิธีการที่คิดขึ้น ไม่ทำงานมีข้อบกพร่อง ก็ทำการปรับปรุงแก้ไข โดยอาจเลือกวิธีการใหม่ก็ได้คืนย้อนไปขั้นตอนที่ 3

 7.ประเมินผล
หลังจากการปรับปรุงจนใช้งานได้ดีตามวิธีการที่ออกแบบแล้วก็นำมาประเมินผลโดย รวมโดยพิจารณาดังนี้           -สิ่งประดิษฐ์สามารถแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการที่ระบุไว้ได้ หรือไม่
-สวยงามดึงดูดใจผู้ใช้หรือไม่
-แข็งแรงทนทานต่อการใช้งานหรือไม่
-ต้นทุนสูงเกินไปหรือไม่

บางกิจกรรมอาจไม่ครบทั้ง 7 ขั้นตอนก็ได้ บางกิจกรรมบางขั้นตอนอาจสลับกันไปบ้างก็ได้ แต่เมื่อนำไปใช้แล้ว สามารถ
ที่จะทำงานเป็นขั้นตอนเป็นระบบสามารถย้อนกลับมาดูหรือแก้ไขได้ตามขั้นตอนที่ทำไปได้



ขอบคุณข้อมูล รูปภาพจาก

  http://bluehuat.myreadyweb.com/article/category-24628.html

  http://chutcha.com/home/lession1/page4.html